
2025-11-14 | พัฒนาระบบ
การอัปเดต MT4 Demo 1: การจัดเก็บข้อมูลคำสั่งซื้อ
เพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสบการณ์ในการเทรดของคุณ เราจะดำเนินการปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ MT4 Demo 1 ตั้งแต่ 09:00 น. ของวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 ถึง (UTC+7)

2025-11-14 | พัฒนาระบบ
เพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสบการณ์ในการเทรดของคุณ เราจะดำเนินการปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ MT4 Demo 1 ตั้งแต่ 09:00 น. ของวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 ถึง (UTC+7)

2025-11-11 | ชั่วโมงการซื้อขาย

2025-11-07 | พัฒนาระบบ

เราขอแจ้งให้คุณทราบถึงการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดมาร์จิ้นสำหรับ CFDs หุ้นสหรัฐบางรายการ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการ เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพของตลาดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงประกาศผลประกอบการ อัตรามาร์จิ้นสำหรับหุ้นที่ระบุด้านล่างจะถูกปรับเป็น 20% (เลเวอเรจ 1:5) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ก่อนเวลา 20:30 น. (UTC+7) วิธีการดำเนินการ การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าคุณต้องรักษา อัตรามาร์จิ้น 20% ของมูลค่าการเทรดทั้งหมด ซึ่งเท่ากับการลดเลเวอเรจลงเป็น 1:5 การปรับนี้มีขึ้นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเทรดที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงก่อนการประกาศผลประกอบการ หุ้นที่ได้รับผลกระทบ – รอบปัจจุบัน ชื่อหุ้น สัญลักษณ์ วันที่ประกาศผลประกอบการ Occidental Petroleum Corp OXY 7/11/2568 Cisco Systems Inc CSCO Walt Disney Co/The DIS สิ่งที่คุณควรดำเนินการ หากคุณถือสถานะใน CFDs หุ้นสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบ: หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนี้ หรือหากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม กรุณาติดต่อทีมสนับสนุนของเราได้ทุกเมื่อ
2025-11-06 | อัปเดตผลิตภัณฑ์

เราขอแจ้งให้คุณทราบว่า สหรัฐอเมริกาจะสิ้นสุดการใช้เวลาออมแสง (Daylight Saving Time – DST) และเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 ส่งผลให้เวลาการซื้อขายของตราสารบางประเภทมีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วย กรุณาตรวจสอบตารางการซื้อขายที่อัปเดตแล้วสำหรับช่วงเวลาดังกล่าว และวางแผนการเทรดของคุณให้เหมาะสม เวลาซื้อขายที่ปรับเปลี่ยนสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบ: ประเภทสินทรัพย์ สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ เวลาทำการซื้อขาย (UTC+7) เวลาปิดตลาด (UTC+7) Forex คู่เงินทั้งหมด จันทร์ 05:06 – ศุกร์ 04:55 04:59 – 05:06 Dollar Index USD Basket จันทร์ 05:06 – ศุกร์ 04:55 04:59 – 05:06 Metals XAUUSD, XAGUSD, XAUEUR จันทร์ 06:02 – ศุกร์ 04:55 04:58 – 06:02 CNH Pairs HKGHKD, RKGCNH จันทร์ 07:00 – ศุกร์ 05:00 05:00 – 07:00 Oil […]
2025-10-31 | ชั่วโมงการซื้อขาย

เพื่อมอบประสบการณ์การเทรดที่ราบรื่นและมั่นคงยิ่งขึ้น เราจะทำการอัปเดต ระดับจุดหยุดขาดทุน สำหรับ XAUUSD บนบัญชี MT4 และ MT5 ECN การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการดำเนินคำสั่งและปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง ระดับจุดหยุดขาดทุน ก่อนหน้า หลังการปรับ 0 จุด 20 จุด วันที่มีผลบังคับใช้: วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบคำสั่งซื้อขายที่เปิดอยู่และคำสั่งที่รอดำเนินการก่อนถึงวันที่มีผล เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคำสั่งสอดคล้องกับ ระดับจุดหยุดขาดทุนใหม่ การปรับนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมการเทรดที่ รวดเร็ว มั่นคง และเชื่อถือได้มากกว่าที่เคย ขอขอบคุณสำหรับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากคุณอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมพัฒนาประสบการณ์การเทรดของคุณให้ดียิ่งขึ้นในทุกขั้นตอน
2025-10-31 | อัปเดตผลิตภัณฑ์

เพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสบการณ์การเทรดของคุณ เราจะดำเนินการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ตามกำหนดของ MT4 Demo 5 ตั้งแต่เวลา 14:00 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึงเวลา 14:00 น. ของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 (UTC+7) ในช่วงเวลาดังกล่าว เราจะทำการจัดเก็บข้อมูลคำสั่งซื้อทั้งหมดที่ทำรายการก่อนวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เราขออภัยในความไม่สะดวกที่อาจเกิดขึ้น และขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจของคุณ ในขณะที่เรากำลังพัฒนาบริการของเรา หากคุณมีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือ โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของเราได้ตลอดเวลา
2025-10-31 | พัฒนาระบบ

เพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสบการณ์ในการเทรดของคุณ เราจะดำเนินการปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ MT4 Demo 5 ตั้งแต่ 14:00 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
2025-10-31 | พัฒนาระบบ

2024-11-28 | การเคลื่อนไหวของตลาด
แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? ทุกปี นักช้อปต่างรอคอยแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อคว้าข้อเสนอสุดพิเศษ ในขณะที่นักลงทุนก็มองเหตุการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน แต่ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป เพราะสองมหกรรมลดราคานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติมสินค้าลงตะกร้าเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาดอีกด้วย แต่คำถามสำคัญคือ: ระหว่างแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ วันไหนส่งผลต่อตลาดหุ้นมากกว่ากัน? ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ว่าสองวันนี้เปรียบเทียบกันอย่างไร ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ และหุ้นตัวไหนที่ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องจับตามอง ศึกประชัน แบล็กฟรายเดย์ ปะทะ ไซเบอร์มันเดย์ จากข้อมูลของสหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ในปี 2566 มีผู้บริโภคถึง 200.4 ล้านคนที่ออกมาช้อปปิ้งในช่วงวันหยุด 5 วัน ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าจนถึงไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งทำลายสถิติปี 2565 ที่มีจำนวน 196.7 ล้านคน แบล็กฟรายเดย์ ถือเป็นการเปิดฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุด ที่มักเกี่ยวข้องกับการลดราคาที่หน้าร้าน แม้ว่าการช้อปปิ้งออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทั่วไป แบล็กฟรายเดย์ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เช่น Walmart (NYSE: WMT) และ Target (NYSE: TGT) ที่แข่งขันกันด้วยโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า ไซเบอร์มันเดย์ เป็นคู่แข่งในฝั่งออนไลน์ มุ่งเน้นการช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย […]

2024-11-22 | การเคลื่อนไหวของตลาด

2024-11-15 | การเคลื่อนไหวของตลาด

รายงานปริมาณการซื้อขายของ Doo Prime ประจำเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมการซื้อขายที่แข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่มั่นคงบนแพลตฟอร์มของเรา ภาพรวมปริมาณการซื้อขายเดือนตุลาคม2567 ตามรายงานระบุว่า ปริมาณการซื้อขายทั้งหมดของ Doo Prime ในเดือนตุลาคม 2567 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 176.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.44% จากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน (ADV) ในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 5.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 33.01% จากเดือนกันยายน จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง และการไม่ชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การลงทุนในทองคำพุ่งสูงขึ้นทำลายสถิติในเดือนตุลาคม นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรปได้ดำเนินรอยตามธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่งสูงขึ้น ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนและผลักดันกิจกรรมการซื้อขายให้ถึงระดับสูงสุดใหม่ เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน (ADV) ของ Doo Prime ได้เพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายทั้งหมดเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ปริมาณการซื้อขายรวมของ Doo Prime อยู่ที่ 1,160.10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ […]
2024-11-13 | การเคลื่อนไหวของตลาด

เทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ในปี 2567 เริ่มเร็วขึ้นกว่าที่เคย! Douyin ได้เริ่มโปรโมชั่น 11.11 ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม ตามมาด้วย JD และ Tmall ที่ได้เริ่มในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งเร็วกว่าปีที่แล้วถึงสิบวัน ระยะเวลาที่ขยายเพิ่มขึ้นนี้ทำให้ 11.11 ปี 2567 กลายเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกเหนือจากการขยายระยะเวลาแล้ว แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังหันมาเน้นช่วยลดภาระให้กับผู้ค้า แทนที่จะเน้นการลดราคาจนเกิด “สงครามราคา” อย่างที่เคยเป็น ในส่วนของข้อมูลยอดขายรอบแรกของเทศกาล 11.11 ได้เผยออกมา ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เริ่มได้รับความสนใจในตลาด ในโอกาสครบรอบ 16 ปีของเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ฟีเจอร์และแนวโน้มใหม่ ๆ กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับงานในปีนี้ หุ้นตัวไหนบ้างที่มีโอกาสได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการพัฒนานี้? และนักลงทุนจะสามารถวางแผนให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากกระแสของเทศกาลนี้ได้อย่างไร? มาร่วมศึกษาไปพร้อมกัน การไร้ซึ่งสงครามราคา: มีอะไรใหม่สำหรับ 11.11 ในปีนี้? การเปลี่ยนแปลงสำคัญปีนี้คือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ร่วมมือกันเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการชำระเงินมากขึ้นกว่าเดิม Wu Jia รองประธานของ Alibaba และหัวหน้าฝ่าย […]
2024-11-07 | การเคลื่อนไหวของตลาด

Trick or Trade วันฮาโลวีนไม่ใช่แค่การสวมชุดแฟนซี รับลูกกวาด และการตกแต่งที่น่าขนลุกเพียงเท่านั้น แต่มันยังเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ในการกอบโกยผลประโยชน์จากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในตลาดค้าปลีก เมื่อวันฮาโลวีนใกล้เข้ามา บริษัทบางแห่งมีความสามารถในการดึงดูดผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งสร้างโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุนในภาคค้าปลีก บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 3 หุ้นค้าปลีกที่น่าจับตามอง และจะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายในช่วงฮาโลวีน พร้อมสำรวจโอกาสในการซื้อขายที่น่าสนใจสำหรับแต่ละตัว การคาดการณ์การใช้จ่ายในวันฮาโลวีน 2567 ตามข้อมูลจากสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) การใช้จ่ายในวันฮาโลวีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า ปีนี้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ คาดว่าจะใช้จ่ายอย่างมหาศาลอีกครั้ง โดยมีการคาดการณ์เกินกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้คนลงทุนในชุดแฟนซี ลูกกวาด การตกแต่ง และอุปกรณ์จัดงานปาร์ตี้ ผู้ค้าปลีกที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ตามฤดูกาล สินค้าจัดงานปาร์ตี้ และของตกแต่งในราคาย่อมเยาว์จะได้รับประโยชน์สูงสุด โดยปีนี้มีความสนใจในประสบการณ์วันฮาโลวีนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น มาดูสามหุ้นค้าปลีกที่มีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีในช่วงวันฮาโลวีนนี้กันเถอะ หุ้นค้าปลีก 3 ตัวที่น่าจับตามองในวันฮัลโลวีนนี้ 1. Amazon, Inc. (NASDAQ: AMZN) ทำไมเทรดเดอร์ควรจับตามอง Amazon กลายเป็นแหล่งที่ผู้บริโภคเลือกใช้สำหรับความต้องการในวันฮาโลวีน เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์หลากหลายและการจัดส่งที่รวดเร็ว ตั้งแต่ชุดแฟนซีไปจนถึงการสั่งซื้อขนมหวานจำนวนมาก โปรแกรม Prime ของ Amazon และตัวเลือกการจัดส่งที่รวดเร็วตอบสนองความต้องการในช่วงปลายฤดูกาล […]
2024-10-31 | การเคลื่อนไหวของตลาด
2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้ นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน: อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่: โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่? เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์ ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100 ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว” ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น: และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด สถานการณ์ ผลลัพธ์จากรายงาน NFP การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป ข้อมูลผสม ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้ กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป
2025-11-06 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก
2025-10-30 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

การแข่งขันในตลาด AI ยิ่งร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจาก OpenAI ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ ราคาหุ้นของ AMD พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบใหม่ ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า AMD กำลังไล่ทัน Nvidia (NVDA) ในศึกชิป AI มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์แล้วหรือไม่ คำถามสำคัญคือ นี่เป็นเพียงการฟื้นตัวระยะสั้น หรือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอำนาจการแข่งขันของตลาดฮาร์ดแวร์ AI กันแน่ ข้อได้เปรียบลับของ AMD: กลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐาน AI เมื่อพูดถึง AMD หลายคนอาจนึกถึง CPU และชิปกราฟิกสำหรับเล่นเกม แต่แผนต่อไปของ AMD ก้าวไกลกว่านั้น บริษัทกำลังวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นหัวใจสำคัญของ โครงสร้างพื้นฐาน AI ครอบคลุมตั้งแต่ชั้นวางเซิร์ฟเวอร์ ชิป ไปจนถึงระบบที่ขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลซึ่งรองรับโมเดลอย่าง ChatGPT จุดศูนย์กลางของกลยุทธ์นี้คือ AMD Helios Platform ระบบ AI ขนาดใหญ่ระดับแร็กที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันโดยตรงกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Nvidia โดย Helios ผสานรวม ชิป AI ของ AMD ส่วนประกอบเครือข่าย และหน่วยความจำทั้งหมดไว้ในแพ็กเกจเดียว สิ่งนี้สำคัญอย่างไร เพราะการแข่งขันในยุค AI ไม่ได้อยู่แค่ในตลาด GPU อีกต่อไป แต่คือการแข่งขันของผู้ที่สามารถส่งมอบระบบครบวงจรได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า ข้อตกลงกับ OpenAI จะเป็นจุดเปลี่ยนของ AMD หรือไม่ เมื่อต้นเดือนตุลาคม มีรายงานว่า AMD ทำข้อตกลงใหม่กับ OpenAI ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแผนพัฒนา AI ของบริษัท OpenAI ผู้อยู่เบื้องหลัง ChatGPT กำลังขยายเครือข่ายซัพพลายเออร์เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia และเพิ่มความมั่นคงด้านอุปทานและต้นทุนให้ดียิ่งขึ้น สำหรับ AMD นี่คือโอกาสครั้งใหญ่ การที่ชิปของบริษัทถูกนำไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐานของ OpenAI แสดงถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในโซลูชัน AI Data Center ของ AMD และนักลงทุนก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน มูลค่าตลาด AI เพิ่มขึ้นกว่า 630 พันล้านดอลลาร์ในชั่วข้ามคืน หลังจาก OpenAI ประกาศความร่วมมือกับ Broadcom, Oracle, Nvidia และ AMD มูลค่ารวมของตลาดหุ้นในกลุ่ม AI เพิ่มขึ้นกว่า 630 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในวันเดียว สะท้อนให้เห็นถึงพลังของเทรนด์ AI ที่ยังคงร้อนแรงทั่วโลก ในบรรดาหุ้นทั้งหมด AMD กลายเป็นดาวเด่น โดยราคาพุ่งขึ้นเกือบ 50% ภายในไม่กี่สัปดาห์ ความตื่นเต้นนี้ไม่ได้มาจากกระแสเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก “ศักยภาพที่แท้จริง” ของบริษัท หาก OpenAI ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการ AI ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก เริ่มหันมาใช้ฮาร์ดแวร์ของ AMD นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “สมดุลใหม่” ที่รอคอยมานานในศึก AMD ปะทะ NVDA AMD vs NVDA: สงคราม AI ครั้งยิ่งใหญ่ สงครามหุ้น AI ระหว่าง AMD และ Nvidia (NVDA) กำลังก้าวเข้าสู่ระดับใหม่อย่างเต็มตัว ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AMD เพิ่มขึ้นเกือบ 176% แซงหน้าการเติบโตของ Nvidia ที่ 83% ถือเป็นการพลิกเกมครั้งสำคัญสำหรับบริษัทที่เคยถูกมองว่าเป็นผู้ตาม ในแง่มูลค่าตลาด Nvidia ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วยมูลค่าราว 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 650 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ของ AMD แต่ช่องว่างกำลังค่อยๆ แคบลง ขณะที่ Nvidia ยังคงเป็นชื่อหลักในตลาดชิป AI การจับมือระหว่าง AMD และ OpenAI รวมถึงการเปิดตัว Helios Platform ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนว่า AMD มีศักยภาพในการแย่งส่วนแบ่งตลาดศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วได้มากขึ้น หากแรงส่งนี้ยังคงต่อเนื่องไปถึงปี 2025 นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ AMD สามารถท้าทายอำนาจการครองตลาดของ Nvidia ได้อย่างแท้จริงในโลกของฮาร์ดแวร์ AI AMD จะสามารถท้าทายอำนาจผู้นำตลาด AI ของ Nvidia ได้จริงหรือไม่ พูดตามตรง Nvidia ยังคงครองบัลลังก์ในอาณาจักรชิป AI ด้วย GPU สแต็กซอฟต์แวร์ (CUDA) และระบบนิเวศของนักพัฒนาที่แข็งแกร่ง ทำให้ Nvidia มีความได้เปรียบมหาศาล แต่ตอนนี้ AMD ไม่ได้อยู่ในสถานะ “ผู้ตาม” อีกต่อไป เพราะกำลังเดินเกมในมุมที่ต่างออกไป ผ่านแพลตฟอร์ม AMD Helios บริษัทมุ่งนำเสนอทางเลือกที่ยืดหยุ่น เปิดกว้าง และคุ้มค่ากว่าระบบแบบปิดของ Nvidia เพื่อสร้างระบบนิเวศ AI ที่เข้าถึงได้มากกว่า พูดอีกอย่างคือ ขณะที่ Nvidia สร้าง “สวนปิด” AMD กำลังสร้าง “สนามเปิด” ที่ผู้ให้บริการคลาวด์และสตาร์ทอัพด้าน AI สามารถปรับแต่งและขยายได้อย่างอิสระ นั่นเองคือเหตุผลที่ตลาด AI ในปี 2025 อาจมีโฉมหน้าที่แตกต่างไปจากวันนี้อย่างสิ้นเชิง แนวโน้มตลาด AI ปี 2025 กำลังเป็นรูปเป็นร่าง นักวิเคราะห์คาดว่าการใช้จ่ายทั่วโลกด้าน โครงสร้างพื้นฐาน AI จะทะลุ 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ชิป เซิร์ฟเวอร์ ระบบเครือข่าย ไปจนถึงโซลูชันแบบครบวงจร และ AMD กำลังมุ่งคว้าส่วนแบ่งที่ใหญ่ขึ้นของตลาดนี้ ชิปรุ่นใหม่ของ AMD AI รวมถึงซีรีส์ MI450 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น การฝึกสอนและการประมวลผลโมเดล เมื่อจับคู่กับโครงสร้าง Helios Platform และพันธมิตรในตลาดศูนย์ข้อมูล AI ที่เพิ่มขึ้น AMD จึงไม่ใช่แค่ “ตัวเลือกสำรอง” อีกต่อไป แต่กลายเป็นผู้เล่นรายสำคัญที่พร้อมแข่งขันเต็มตัว ข้อตกลง AMD-OpenAI ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้น หาก AMD สามารถต่อยอดด้วยการทำสัญญากับผู้ให้บริการ Hyperscaler รายใหญ่ เช่น Amazon, Google หรือ Meta รายได้ของบริษัทอาจพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และกลายเป็นแรงขับเคลื่อนครั้งใหญ่ของยุค AI การวิเคราะห์ทางเทคนิค: หุ้น AMD กำลังอยู่ในจุดเบรกเอาต์ จากมุมมองทางเทคนิค หุ้น AMD ได้ทะลุแนวต้านสำคัญบริเวณ 180 ดอลลาร์ ขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการซื้อขายที่แข็งแกร่ง หากโมเมนตัมยังคงต่อเนื่อง การปรับตัวขึ้นอาจทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งในช่วงสัปดาห์หรือเดือนข้างหน้า นักเทรดระยะสั้นอาจจับตาการรีเทสต์แนวต้านที่ 227 ดอลลาร์ และแนวรับจิตวิทยาที่ 200 ดอลลาร์ หากราคาปรับลงต่ำกว่า 180 ดอลลาร์ อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้น แต่แนวโน้มโดยรวมยังคงเป็นบวกในตอนนี้ บทสรุป: ยุคใหม่ของ AMD ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ความร่วมมือกับ OpenAI อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับ AMD ไม่ใช่แค่ในรอบวัฏจักรของชิปทั่วไป แต่คือการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการขยายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการพัฒนา Helios Platform รวมถึงความแข็งแกร่งในด้าน ศูนย์ข้อมูล AI AMD กำลังวางตำแหน่งตัวเองให้พร้อมรับการเติบโตของตลาด AI ที่กำลังเฟื่องฟูในปี 2025 อย่างไรก็ตาม การแข่งขันยังไม่จบ เพราะ Nvidia ยังคงมีความได้เปรียบในเชิงเทคนิคและการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่า AMD จะสามารถเปลี่ยนโอกาสนี้ให้กลายเป็นการเติบโตระยะยาวได้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ เรื่องราวของ AMD ได้เข้าสู่บทใหม่แล้ว และนักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด
2025-10-24 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ตลาดคริปโตเพิ่งเตือนทุกคนอีกครั้งว่า “ความผันผวน” ไม่เคยจากไปไหนจริงๆ มูลค่ากว่า 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหายไปภายในไม่กี่วัน เมื่อบิตคอยน์ อีเธอเรียม และอัลท์คอยน์ร่วงลงพร้อมกัน เกิดเป็น “การเทขายครั้งใหญ่” ที่ทำให้นักเทรดตื่นตระหนกและความเชื่อมั่นในตลาดดิ่งลง แต่ที่น่าสนใจคือ ท่ามกลางความตื่นกลัวทั้งหมดนี้ มีสัญญาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่านี่อาจไม่ใช่จุดจบของตลาด แต่อาจเป็นการปูทางไปสู่การกลับตัวครั้งใหญ่รอบใหม่ อะไรเป็นชนวนให้ตลาดคริปโตดิ่งหนัก การเทขายเริ่มต้นจากการเคลื่อนไหวแบบ “ลดความเสี่ยง” คลาสสิก ผสมกับความกังวลทางเศรษฐกิจมหภาค ข่าวลือเรื่องสภาพคล่องตึงตัว และการปิดสถานะเกินเลเวอเรจอย่างเร่งด่วน ขณะที่ รัฐบาลสหรัฐยังคงเผชิญภาวะชัตดาวน์ และตลาดเตรียมรับมือกับการลดดอกเบี้ยจากเฟด นักลงทุนเริ่มเร่งลดความเสี่ยงออกจากพอร์ต เมื่อราคาบิตคอยน์หลุดแนวรับสำคัญ จึงเกิดการขายทำลายพอร์ตตามมาอย่างต่อเนื่อง มูลค่ากว่า 19 พันล้านดอลลาร์ในสถานะเลเวอเรจ ถูกล้างออกภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง ฝั่งอัลท์คอยน์ได้รับผลกระทบหนักที่สุด หลายเหรียญร่วงกว่า 30–40% ภายในชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ตาม ขณะที่นักลงทุนรายย่อยตื่นตระหนก ข้อมูลบนเชนกลับสะท้อนภาพที่ต่างออกไป กลุ่มวาฬหรือผู้ถือรายใหญ่กำลังทยอย “เก็บเหรียญ” เข้าพอร์ตในราคาที่ลดลง มาโครพบกับโมเมนตัม: ทำไมสิ่งนี้ถึงสมเหตุสมผล สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคในตอนนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อน และนั่นแหละคือช่วงเวลาที่คริปโตมักจะแสดงปฏิกิริยารุนแรงเกินจริง เงินเฟ้อที่ดื้อรั้น ความคาดหวังอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย และความตึงเครียดด้านสภาพคล่องทั่วโลก ทำให้นักเทรดยังไม่แน่ใจว่าควรวางกลยุทธ์เพื่อการฟื้นตัว หรือเน้นการป้องกันความเสี่ยงดี โดยทั่วไป […]
2025-10-16 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

รัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการแล้ว ขณะที่ตลาดกำลังจับตาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ตอนนี้ตลาดได้สะท้อนความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยไปแล้ว เงินเฟ้อยังคงทรงตัวในระดับสูง และค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลงอีกครั้ง ส่งผลให้โลหะเงินเริ่มกลับมาฟื้นตัว สภาพคล่องกำลังหลั่งไหลกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็น “สูตรมหภาค” แบบเดียวกับที่เคยทำให้เกิดการปรับขึ้นครั้งใหญ่ของราคาโลหะเงินในอดีต แต่ครั้งนี้ กราฟชี้ให้เห็นสัญญาณบางอย่างที่อาจยิ่งใหญ่กว่าเดิม โลหะเงินจะสามารถทำลายคำสาป 40 ปี และพุ่งทะลุถึง $75 ได้หรือไม่? ฟังดูเหมือนความฝัน แต่เมื่อปีที่แล้ว ทองคำแตะ $3,000 ซึ่งตอนนั้นก็มีคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน การคาดการณ์ราคาโลหะเงิน ปี 2025 เริ่มจากสิ่งที่เห็นได้ชัด: ราคาของโลหะเงินได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า ความต้องการอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น และกระแสการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยที่กลับมาอีกครั้ง จากการคาดการณ์หลายสำนักเกี่ยวกับราคาโลหะเงินในปี 2025 พบว่าตอนนี้ราคากำลังเข้าใกล้ระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2011 ความแตกต่างในรอบนี้คือ “ภาวะตึงตัวทางเศรษฐกิจมหภาค” ที่เกิดขึ้นพร้อมกับ “นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น” เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ย ผลตอบแทนพันธบัตรจะลดลง และโลหะมีค่าต่างๆ เช่น โลหะเงิน จะยิ่งโดดเด่นขึ้น เพราะในสภาวะที่อัตราผลตอบแทนต่ำ สินทรัพย์ที่ไม่มีดอกเบี้ยจะดูน่าดึงดูดยิ่งกว่าเดิม เมื่อรวมกับปัญหาการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยิ่งกลายเป็น “ค็อกเทลของความกลัว สภาพคล่อง และโอกาส” ที่พร้อมขับเคลื่อนตลาด หากคุณติดตามแนวโน้มราคาของโลหะเงินในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าแรงส่งของตลาดยังคงต่อเนื่อง และทุกครั้งที่มีสัญญาณของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือท่าทีผ่อนคลายจาก Fed ราคาของโลหะเงินก็มักจะขยับขึ้นอีกขั้น ทองคำ vs โลหะเงิน: เกมระยะยาว กราฟนี้แสดงให้เห็นว่า ทองคำมีผลงานเหนือกว่าโลหะเงินอย่างมากตั้งแต่ปี 1980 โดยมูลค่าที่ปรับตามดัชนีของทองคำเพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่า ขณะที่โลหะเงินยังตามหลังอยู่มาก แต่หากสังเกตให้ดี ทั้งสองโลหะกำลังแสดงให้เห็นถึง รูปแบบการฟื้นตัวแบบก้นกลม ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถูกระบุด้วยเส้นโค้งสีเขียวในกราฟ การฟื้นตัวรอบแรกเกิดขึ้นหลังวิกฤตปี 2011 และรอบที่สอง ซึ่งก็คือช่วงที่เรากำลังอยู่ตอนนี้ มีลักษณะคล้ายกันมาก ทองคำได้ทะยานขึ้นในแนวตั้งไปแล้ว ขณะที่โลหะเงินกำลังสร้างรูปแบบคล้ายกระจกสะท้อน อาจบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวตามมาช้ากว่า ลูกศรสีม่วงแบบจุดในกราฟ คือแนวโน้มที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเป็น การเทรดแบบกลับสู่ค่าเฉลี่ย ที่โลหะเงินเริ่มไล่ตามช่องว่างด้านผลตอบแทนที่ยาวนานหลายทศวรรษของทองคำ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ราคาโลหะเงินที่ $75 อาจไม่ไกลเกินเอื้อม และอาจเป็น “การล้างแค้น” ที่รอคอยมานานของโลหะเงินก็ได้ การต่อสู้ของโลหะเงินกับกำแพงราคา $50 กราฟนี้เล่าเรื่องของโลหะเงินได้ทั้งหมดในภาพเดียว รูปแบบชัดเจนว่า โลหะเงินจะสร้างฐานราคาใหญ่ ทดสอบแนวต้านที่ $50 แล้วจะเกิดขึ้นเพียงสองทาง คือร่วงแรง หรือทะลุเข้าสู่ยุคใหม่ การปรับตัวขึ้นในรอบนี้มีปัจจัยที่แตกต่างออกไป ทำให้ฝั่งกระทิงยังคงมีความหวัง: หากโลหะเงินสามารถทะลุแนวต้านที่ $50 ได้อย่างชัดเจน แรงโมเมนตัมอาจส่งให้ราคาทะยานขึ้นสู่ระดับจิตวิทยาที่ $75 ได้ไม่ยาก ตัวเลขนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม เพราะเป็นการปรับขึ้นประมาณ 50% จากจุดสูงสุดของรอบก่อนหน้า ซึ่งยังอยู่ในกรอบความผันผวนทางประวัติศาสตร์ของตลาด ปัจจัยจากเฟด: การลดดอกเบี้ยอาจเป็นชนวนสำคัญ ตลาดในขณะนี้กำลังคาดการณ์ว่าจะมีการ ลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปี 2025 ตามข้อมูลจาก FedWatch สำหรับโลหะเงิน นี่ถือเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการพุ่งขึ้นของราคา อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และเนื่องจากโลหะเงินมีการกำหนดราคาด้วยดอลลาร์โดยตรง จึงเป็นแรงหนุนในทันทีต่อทิศทางราคาของโลหะเงิน ทุกการคาดการณ์ราคาหลักของโลหะเงินตั้งแต่ยุค 1980s แสดงรูปแบบที่คล้ายกัน คือ เมื่อเฟดผ่อนคลายนโยบาย โลหะเงินจะพุ่งขึ้น และเมื่อเฟดเข้มงวด ราคาจะชะลอตัว สำหรับรอบนี้ เรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงผ่อนคลายอีกครั้ง แต่มีปัจจัยเสริมอย่างภาระหนี้ทั่วโลกที่สูงขึ้น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง และความไม่แน่นอนทางการเมือง นี่ไม่ใช่สภาวะปกติของตลาด แต่คือ พายุสมบูรณ์แบบสำหรับโลหะเงิน โลหะเงินจะขึ้นถึง $75 ได้จริงหรือไม่? ราคา $75 ยังไม่การันตี แต่ เป็นไปได้ โลหะเงินเคยแตะเกือบ $50 ในปี 2011 และหากคำนวณตามสัดส่วนของอัตราเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของดอลลาร์ในปัจจุบัน ระดับราคาที่เทียบเท่ากันจะอยู่ราว $70–$80 เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ ต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ หากปัจจัยทั้งหมดนี้สอดคล้องกัน โลหะเงินอาจกลับมาทวงบัลลังก์ในฐานะ “โลหะแห่งประชาชน” ได้อีกครั้ง เมื่อความกลัวมาพบกับสภาพคล่อง โลหะเงินจะเปล่งประกาย ท่ามกลางภาวะการปิดหน่วยงานรัฐ การคาดการณ์การลดดอกเบี้ย และการที่โลหะเงินตามหลังทองคำมายาวนาน แนวโน้มของโลหะเงินในปี 2025 ดูร้อนแรงอย่างมาก มันจะไปถึง $75 ได้หรือไม่ คำตอบขึ้นอยู่กับว่าความตึงเครียดทางเศรษฐกิจนี้จะยืดเยื้อแค่ไหน แต่อย่างหนึ่งที่แน่นอน ยักษ์ที่หลับใหลอย่างโลหะเงินกำลังจะตื่นขึ้น และเมื่อมันตื่น ตลาดอาจต้องใส่แว่นกันแดดเตรียมรับแสงเจิดจรัสของมันไว้ได้เลย
2025-10-10 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ดัชนี S&P 500 ร้อนแรงมาตลอดทั้งปีนี้ ดัชนีขวัญใจวอลล์สตรีททำลายสถิติสูงสุดครั้งแล้วครั้งเล่า และนักวิเคราะห์บางรายเริ่มคาดการณ์ว่าอาจพุ่งแตะ 7,000 ก่อนสิ้นปี ฟังดูเว่อร์ไปหรือเปล่า? อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะเมื่อรวมปัจจัยการลดดอกเบี้ย ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และกระแส AI ที่หยุดไม่อยู่ ปัจจัยทั้งหมดนี้กำลังเรียงตัวเพื่อหนุนตลาดให้ขึ้นไปได้อีก มาดูกันว่า 3 เหตุผลหลักที่ทำให้ S&P 500 อาจพุ่งขึ้นต่อและอาจทะลุ 7,000 ก่อนสิ้นปีนี้มีอะไรบ้าง 1. การลดดอกเบี้ยของเฟดอาจเป็นแรงหนุนให้ตลาดพุ่ง แรงขับเคลื่อนแรกและชัดเจนที่สุด: การลดดอกเบี้ย ธนาคารกลางสหรัฐ ได้เปลี่ยนท่าทีจากการคงดอกเบี้ยสูงไปสู่การผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ขณะนี้ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งหมายถึงต้นทุนการกู้ยืมที่ถูกลงทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ เมื่อดอกเบี้ยลดลง นักลงทุนจะถอนเงินจากพันธบัตรและเงินสดไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และไม่มีที่ไหนดูดซับสภาพคล่องได้ดีเท่าตลาดหุ้นสหรัฐ ประวัติศาสตร์ก็สนับสนุนเรื่องนี้ ทุกครั้งที่เฟดเริ่มลดดอกเบี้ย หุ้นก็มักจะได้แรงหนุนระยะสั้นทันที เหมือนกับการฉีดอะดรีนาลีนเข้าสู่ตลาด ถึงแม้ว่าภาวะถดถอยอาจรออยู่ข้างหน้า แต่ระลอกแรกของสภาพคล่องที่ไหลเข้ามักจะดันให้หุ้นพุ่งขึ้นแรง สำหรับดัชนี S&P 500 การลดดอกเบี้ยถือเป็น การจัดวางเพื่อการลงทุนแบบ Risk-On หากอัตราผลตอบแทน ยังคงถอยลง แรงดึงดูดก็จะไหลไปยังตลาดหุ้น และนั่นอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักให้ดัชนีเข้าใกล้ระดับ 7,000 2. ผลประกอบการแข็งแกร่งและเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ยอมถอย การเติบโตชะลอตัวลง แต่ผู้บริโภคยังคงใช้จ่าย อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ และกำไรของบริษัทต่างๆ ยังคงออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ตัวเลขกำไร Q2 และ Q3: นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทคาดว่าจะชะลอตัว แต่หลายบริษัทกลับรายงานการเติบโตแบบ สองหลัก โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft, Apple และ NVIDIA เป็นผู้นำ แต่ความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บิ๊กเทคเท่านั้น ภาคอุตสาหกรรม การเงิน และแม้แต่ผู้บริโภคบางกลุ่มก็ยังสร้างความประหลาดใจด้วยผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่คาด สิ่งนี้มีความสำคัญเพราะ S&P 500 ไม่ใช่แค่ดัชนีเชิงเก็งกำไร แต่เป็นตะกร้าที่สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวม เมื่อบริษัทต่างๆ รายงานผลกำไรที่แข็งแกร่ง นักลงทุนก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าหุ้นสามารถรักษาระดับมูลค่าสูงไว้ได้ ความจริงแล้ว Goldman Sachs เพิ่งปรับเป้าหมาย S&P สิ้นปีขึ้นเป็น 6,800 โดยอ้างถึงการผสมผสานระหว่างการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดและผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าที่คาด ซึ่งห่างจากระดับ 7,000 เพียง 200 จุดเท่านั้น 3. การเติบโตของ AI และเทคโนโลยีที่หยุดไม่อยู่ เหตุผลที่สาม และอาจจะทรงพลังที่สุด ก็คือ กระแส AI megatrend ปัญญาประดิษฐ์กำลังพลิกโฉมทั้งตลาด NVIDIA รายงานรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ Palantir ได้รับสัญญาจากรัฐบาลจำนวนมาก และ Microsoft กับ Alphabet ก็กำลังนำ AI เข้ามาใช้ในทุกแพลตฟอร์มของตน นี่ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่กำลังกลายเป็น การเติบโตของผลประกอบการจริงและกระแสเงินทุนจริง นักลงทุนทั่วโลกกำลังเทเงินเข้าสู่หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพราะไม่มีที่ไหนที่สามารถสร้างนวัตกรรมได้ในระดับเดียวกัน และเมื่อดัชนี S&P 500 มีหุ้นเทคอยู่ในสัดส่วนสูง ความต้องการ AI นี้จึงดันทั้งดัชนีให้สูงขึ้น การลงทุนในกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ และกองทุนเฮดจ์ฟันด์ยังคง เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ คลาวด์ และซอฟต์แวร์ ลองมองแบบนี้: หากหุ้น AI ยังคงวิ่งต่อไป S&P 500 ก็จะถูกดันขึ้นตาม ไม่ว่าตลาดที่เหลือจะเห็นด้วยหรือไม่ นี่คือคลื่นลูกใหญ่ที่ยกทุกอย่างขึ้น และตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าคลื่นลูกนี้จะหยุด ประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุน ดัชนี 7,000 การันตีหรือไม่? แน่นอนว่าไม่ ความเสี่ยงยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่อาจกลับมาร้อนแรงขึ้นอีก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือเฟดที่อาจสื่อสารผิดพลาด และอย่าลืมว่าตลาดไม่เคยเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง แต่ภาพรวมชัดเจนแล้วว่า การผสมผสานกันของ การลดดอกเบี้ยของเฟด, ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และกระแส AI boom กำลังสร้างเงื่อนไขที่หลายคนมองว่าเป็นบวกต่อหุ้น สำหรับนักลงทุน คำถามหลักก็คือ จะนำพาตัวเองไปอย่างไรในสภาพแวดล้อมนี้ หากดัชนีทดสอบจุดสูงสุดใหม่ได้จริง
2025-09-30 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก
ตลาดกำลังก้าวเข้าสู่เดือนกันยายนท่ามกลางสัญญาณที่ปะปนกันไปทั่ว การเติบโตของการจ้างงานเริ่มชะลอตัว อัตราการว่างงานปรับตัวสูงขึ้น และเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ยังคงกลับด้านอย่างรุนแรง ตามประวัติศาสตร์แล้ว ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณคลาสสิกที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของวัฏจักร แต่ประเด็นสำคัญคือ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าการเทขายจะเริ่มขึ้นทันที ในความเป็นจริง ข้อมูลในอดีตชี้ว่า เราอาจได้เห็นแรงหนุนรอบสุดท้ายของการเก็งกำไร ในตลาดหุ้นและดัชนี ก่อนที่เฟสการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง จะเริ่มขึ้น คำถามคือ เฟดกำลังรอช้าเกินไปหรือไม่? ข้อมูลการจ้างงานอ่อนแรง: เราเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วหรือยัง? ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดจาก BLS ระบุว่า มีเพียง 48% ของอุตสาหกรรมที่เพิ่มตำแหน่งงานในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 นี่เป็นสัญญาณที่สำคัญ เพราะตามสถิติแล้ว เมื่อการเติบโตของการจ้างงานต่ำกว่า 50% มักหมายถึงเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในไม่ช้า ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 0.9% จากจุดต่ำสุดของรอบวัฏจักร หากย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1945 ทุกครั้งที่สิ่งนี้เกิดขึ้น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตามมาในเวลาไม่นาน แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่สิ่งเหล่านี้คือการวางฉาก: ตลาดแรงงานกำลังสูญเสียแรงขับเคลื่อน ผู้บริโภคเริ่มระมัดระวังมากขึ้น และเฟดกำลังเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากขึ้นกว่าเดิม ทางสองแพร่งของเฟด: สายเกินไปที่จะลดดอกเบี้ยหรือไม่? ธนาคารกลางสหรัฐ กำลังเตรียมลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากดำเนินนโยบายเข้มงวดที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ปัญหาคือ ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่เฟดเริ่มลดดอกเบี้ย ก็มักจะสายเกินไปที่จะหลีกเลี่ยงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อมูลจาก Federal […]
2025-09-19 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก
2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้ นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน: อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่: โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่? เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์ ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100 ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว” ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น: และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด สถานการณ์ ผลลัพธ์จากรายงาน NFP การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป ข้อมูลผสม ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้ กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป

2025-10-30 | สารจาก D Prime

เดือนกันยายนถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของ D Prime และเหล่านักเทรดทั่วโลก ท่ามกลางความผันผวนของตลาดและกระแสข่าวระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กิจกรรมการเทรดพุ่งสูงแตะระดับใหม่ D Prime บันทึกปริมาณการเทรดรวม 191.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมในตลาดที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สรุปปริมาณการเทรดเดือนกันยายน 2025 ทั้งปริมาณการเทรดรวมและปริมาณการเทรดเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในเดือนกันยายน แสดงให้เห็นถึงแรงขับเคลื่อนของตลาดที่แข็งแกร่งและการมีส่วนร่วมของนักเทรดในผลิตภัณฑ์หลักที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดในเดือนกันยายน ตลาดมีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักตลอดเดือนกันยายน โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 จุดเบสิก ยืนยันมุมมองของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น การตัดสินใจดังกล่าวช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนและหนุนให้ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงความไม่มั่นคงในตะวันออกกลาง ส่งผลให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น ทองคำจึงกลายเป็นสินทรัพย์ที่โดดเด่นที่สุดของเดือน โดยราคาพุ่งทะลุ 3,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดใหม่ คู่สกุลเงิน XAU/USD มีปริมาณการเทรดเพิ่มขึ้นประมาณ 54.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เติบโตมากที่สุดในเดือนกันยายน สะท้อนถึงความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมและแนวโน้มตลาด ทองคำไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เดียวที่ได้รับความสนใจจากนักเทรดในเดือนกันยายน นอกจาก XAU/USD แล้ว คู่สกุลเงิน EUR/USD, GBP/USD, US30 และ NAS100 ยังติดอันดับผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่มีปริมาณการเทรดสูงสุดด้วย นอกจากนี้ยังพบการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในพฤติกรรมของนักเทรด โดย NAS100 ได้ก้าวเข้าสู่ 5 อันดับสินค้าที่มีการเทรดมากที่สุด แทนที่ BTC/USD จากเดือนก่อนหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นว่านักเทรดกำลังมองหาการกระจายความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น และเปิดรับโอกาสใหม่ในดัชนีหุ้น ความแข็งแกร่งและแรงส่งต่อเนื่องในอนาคต แม้ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แต่ D Prime ยังคงมุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์การเทรดที่มั่นคง มีประสิทธิภาพ และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า โดยปริมาณการเทรดรวมของแพลตฟอร์มเติบโตขึ้น 48.85% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แสดงถึงความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มและความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก ในขณะที่ตลาดยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง D Prime ยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้นักเทรดสามารถรับมือกับทุกโอกาสได้อย่างมั่นใจ ผ่านการมอบข้อมูลเชิงลึก เครื่องมือ และการสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อให้พวกเขาประสบความสำเร็จในระยะยาว
2025-10-27 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ปิดฉากการเข้าร่วมงาน Forex Expo Dubai 2025 อย่างยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 ตุลาคม ณ ศูนย์การค้าโลก ดูไบ (World Trade Center Dubai) ในฐานะที่เป็น งานฟอเร็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง งานนี้ได้รวบรวมโบรกเกอร์ชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญด้านฟินเทค และเทรดเดอร์ผู้มีแพสชันจากทั่วโลกเข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง ปีนี้ถือเป็นปีที่พิเศษสำหรับ D Prime เพราะเราได้แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมการเทรดล่าสุดควบคู่กับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ สะท้อนถึงการพัฒนาและความมุ่งมั่นในการเป็นพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้สำหรับเทรดเดอร์ทั่วโลก หลังจากการปรากฏตัวในงานที่อินเดียและประเทศไทย การเข้าร่วมงานที่ดูไบในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ D Prime ในการเชื่อมโยงกับชุมชนเทรดเดอร์ที่หลากหลายจากทั่วโลก ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องต่อภูมิภาค MENA นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ D Prime เข้าสู่ตลาด MENA และแน่นอนว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ภายในงานที่บูธ #109 D Prime ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงกับเทรดเดอร์ในหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ตลอดสองวันที่เต็มไปด้วยความคึกคัก บูธของเรามีชีวิตชีวาเมื่อผู้เข้าชมได้สัมผัสถึงการขยายเครือข่ายระดับโลกของ D Prime แพลตฟอร์มการเทรดที่ล้ำสมัย และการให้บริการที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง “น่าทึ่งมากที่ได้เห็นว่า D Prime สามารถเชื่อมต่อกับเทรดเดอร์จากทั่วโลกได้อย่างไร ผมได้พบผู้คนจากยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสากลของชุมชนนี้ได้อย่างแท้จริง” ผู้เข้าร่วมงานคนหนึ่งกล่าวระหว่างการเข้าชมงาน Expo ภายในประสบการณ์บูธของ D Prime เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน D Prime ได้จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบที่ทั้งน่าสนใจ มอบรางวัล และสร้างแรงบันดาลใจ ตั้งแต่ของที่ระลึกสุดพิเศษสำหรับผู้เยี่ยมชมทุกคน ไปจนถึงการแข่งขันถ่ายภาพบน Instagram ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเก็บภาพช่วงเวลาที่ดีที่สุดภายในงาน Expo เพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดพรีเมียม บรรยากาศภายในบูธเต็มไปด้วยพลังและความสนุกอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมเหล่านี้ได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก กระตุ้นให้เกิดบทสนทนาที่มีคุณค่าเกี่ยวกับวิธีที่ D Prime สามารถ ยกระดับประสบการณ์และองค์ความรู้ของเทรดเดอร์ได้อย่างแท้จริง เสริมสร้างสายสัมพันธ์และก้าวสู่อนาคต สำหรับ D Prime งาน Forex Expo Dubai ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่เป็นโอกาสในการสร้างความเชื่อมโยง แบ่งปันมุมมอง และ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการเติบโตและความเป็นเลิศ ภาพลักษณ์ใหม่ของเราไม่ใช่แค่การอัปเดตดีไซน์ แต่คือการประกาศถึงพลัง แรงบันดาลใจ และอนาคตที่เรากำลังร่วมกันสร้างกับลูกค้าทั่วโลก เราภูมิใจกับความสัมพันธ์และพลังงานที่เกิดขึ้นระหว่างงานอย่างยิ่ง ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมบูธของเรา เข้าร่วมกิจกรรม และพูดคุยกับทีมงานของเรา ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น D Prime จะยังคงขยายการเติบโตในภูมิภาค MENA และทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม สร้างโอกาส และส่งแรงบันดาลใจให้แก่นักเทรดทั่วโลก โปรดติดตามกิจกรรมใหญ่ครั้งต่อไปของเรา ที่จะมาพร้อมเซอร์ไพรส์และประสบการณ์สุดพิเศษจาก D Prime
2025-10-15 | กิจกรรม

D Prime รายงานปริมาณการเทรด 139.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนสิงหาคม 2025 พร้อมชูสินค้าชั้นนำ ปัจจัยขับเคลื่อนตลาด และผู้เล่นเด่นท่ามกลางความผันผวน
2025-09-25 | ข่าวสาร D Prime
เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมกับนักเทรด นักลงทุน และผู้ที่สนใจด้านการเงินนับพันในงาน Traders Fair Thailand
2025-09-18 | กิจกรรม

เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า D Prime Conecta LATAM 2025 จะจัดขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคม 2025 ที่โรงแรมหรู Dann Carlton ที่เมเดยิน งานสัมมนาที่ทุกคนรอคอยนี้จะรวบรวมพาร์ทเนอร์ ลูกค้า และผู้นำในอุตสาหกรรมจากทั่วลาตินอเมริกา เพื่อร่วมกันสร้างการเติบโต ความร่วมมือ และโอกาสใหม่ๆ สำรวจโอกาสด้านพาร์ทเนอร์ชิปและโซลูชันการลงทุน ที่งาน Conecta LATAM 2025 ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีสร้างธุรกิจ Introducing Broker (IB) ที่ยั่งยืนและสร้างรายได้ระยะยาว นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอศักยภาพของโซลูชันการลงทุนแบบ PAMM และวิธีที่สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับทั้งนักเทรดและพาร์ทเนอร์ เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ งานนี้จะมอบมุมมองล้ำค่าจากวิทยากรที่มีชื่อเสียง รวมถึง Juan de Dios และ Johanna Serna ด้วยประสบการณ์อันลึกซึ้งและผลงานที่พิสูจน์แล้ว พวกเขาพร้อมที่จะถ่ายทอดกลยุทธ์เชิงปฏิบัติและองค์ความรู้จริง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับการเติบโตของชุมชนนักเทรดในระลอกถัดไป สร้างเครือข่ายกับผู้นำอุตสาหกรรม นอกเหนือจากการเรียนรู้ Conecta LATAM 2025 ยังถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผู้เข้าร่วมจะได้พบปะและสร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมวงการ ผู้นำธุรกิจ และนักนวัตกรรมจากทั่วลาตินอเมริกา […]
2025-09-17 | กิจกรรม

2024-11-07 | การเคลื่อนไหวของตลาด
2025-11-06 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

2025-10-16 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

2025-10-10 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก
2025-09-19 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก