ความสำเร็จของ ChatGPT แชตบอตอัจฉริยะอันโด่งดัง และมุมมองของนักลงทุน

2023-02-16 | ChatGPT

ปัจจุบัน เทคโนโลยีได้ถูกนำมาโดยกว้างขวาง สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่และทำลายทุกข้อจำกัดที่เราเคยมีในอดีต 

ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์ที่ต้องใช้เวลาถึง 75 ปีหลังการพัฒนาโทรศัพท์ในสมัยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง จึงจะสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้กว่าหนึ่งร้อยล้านคนทั่วโลก ในทางตรงกันข้าม เทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนประสบความสำเร็จในเวลาเพียง 16 ปี ในขณะที่แอปฯ สมาร์ทโฟนยอดนิยมในปัจจุบันอย่างติ๊กต็อก (TikTok) ใช้เวลาเพียง 9 เดือนเท่านั้น  

การปฏิวัติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับโลกมนุษย์ของเรา และดูเหมือนว่าการพัฒนาก็ยังไม่หยุดลงเพียงเท่านี้ 

หลังจากเปิดตัว ChatGPT มาได้เพียง 2 เดือน ในเดือนมกราคม 2023 แชทบอตอัจฉริยะกลายเป็นแอปฯ ที่เติบโตเร็วที่สุดแซงหน้าติ๊กต็อกไปด้วยจำนวนผู้ใช้รายเดือนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านคน และ ChatGPT ได้ขึ้นมาเป็นผู้เล่นแนวหน้าในอุตสาหกรรมเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) สร้างเสียงฮือฮาให้กับนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดคลื่นระลอกใหม่ของวงการการลงทุน 

สาเหตุที่ทำให้ ChatGPT แตกต่างไป คือเพราะแชทบอตนี้มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูงในการตอบคำถามที่ถูกปรับให้เข้ากับผู้ใช้งาน ทำให้ ChatGPT กลายเป็นเทคโนโลยีที่เขย่าโลกแห่งวงการเอไอ ทะลายกำแพงการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเอไอลงไป 

สำหรับนักลงทุนแล้ว เราจะมาศึกษาว่า ChatGPT เป็นอย่างไรในมุมมองของนักลงทุน 

วิธีที่ ChatGPT ทะลายกำแพงของโลกเอไอและเปลี่ยนมุมมองของมนุษย์ที่มีต่อเทคโนโลยีแชทบอต 

ถ้าคุณเคยดูหนังไซไฟที่มีเอไอที่สามารถเข้าใจคำสั่งและตอบสนองมนุษย์ได้ในทันที ChatGPT ก็เหมือนเป็นเอไอแบบนั้นในชีวิตจริง แชทบอตนี้เป็นเทคโนโลยีเอไอที่ตอบกลับผู้ใช้ด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ ทำให้มันกลายเป็นแชทบอตที่ทันสมัยที่สุดในโลก  

คำถามคือ แล้ว ChatGPT ฉลาดแค่ไหน เรามาดูตัวอย่างกัน 

เขียนโค้ดได้ 

ChatGPT สามารถสร้างโค้ดตามความต้องการของผู้ใช้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าแชทบอตนี้ยังผ่านการทดสอบ L3 ของ Google ซึ่งเป็นแบบทดสอบสำหรับตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์ ที่ได้รับเงินสูงถึง 180,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

ความสามารถในการตอบคำถามอย่างมืออาชีพ 

ChatGPT รวบรวมความรู้จากแหล่งข้อมูลจำนวนมากเพื่อตอบคำถามผู้ใช้ด้วยความเชี่ยวชาญ ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับมีเพื่อนไอคิว 180 มานั่งอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา 

สามารถเขียนบทความในด้านมนุษยศาสตร์ได้ 

ChatGPT ทะลายกำแพงความคิดที่ว่าเอไอเก่งแค่เพียงการวิเคราะห์ตรรกะทางวิทยาศาสตร์ เพราะมันสามารถสร้างงานเขียนที่เหมือนของมนุษย์ได้ โดยมีการแสดงความรู้สึกที่มาจากการรวบรวมข้อมูลงานเขียนจากหลายๆ แหล่ง 

ChatGPT ที่มากับเทคโนโลยีเอไอที่ล้ำสมัย พร้อมกับการเป็นผู้นำคลื่นลูกใหม่ที่สร้างความก้าวหน้าในวงการเทคโนโลยี ซึ่งแม้แต่บิลล์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ยังได้เปรียบเทียบว่าเจ้าแชทบอตนี้มีความสำคัญพอๆ กับช่วงยุคอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์  

บทความนี้จะกล่าวถึงโอกาสการลงทุนในภาคเอไอ โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ ChatGPT สุดอัจฉริยะนี้ 

OpenAI ร่วมมือกับ Microsoft  ผลกระทบต่อเทคโนโลยีและหุ้น 

บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT คือ OpenAI ได้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 2015 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ อีกทั้ง บริษัทนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากเจ้าพ่อเทคโนโลยีและซีอีโอเทสลาอย่างอีลอน มัสก์ด้วย 

แม้ว่า OpenAI จะยังไม่ได้เข้าตลาดหุ้น แต่บริษัท OpenAl ก็เป็นพาร์ทเนอร์อย่างเหนียวแน่นกับบริษัทไมโครซอฟต์ โดยไมโครซอฟต์ได้ลงทุนไปประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2019 และมีแผนการที่จะลงทุนเพิ่มในอนาคตด้วย บริษัท OpenAI คาดการณ์ว่าจะทำรายได้ที่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 และ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าอยู่ที่ 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

นอกจากนี้ OpenAI ยังได้เอาโมเดลภาษาของตัวเอง ที่รวมถึง ChatGPT เข้าแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure ของไมโครซอฟต์ด้วย ในฝั่งของไมโครซอฟต์ได้เปิดตัวเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่ที่รองรับ ChatGPT แบบพร้อมใช้งาน  

การรวมกันของ 2 เทคโนโลยีกลายเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ภายใต้เทคโนโลยีเสิร์ชเอ็นจิ้น เป็นผลให้หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้นถึง 15.81% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา 

ในขณะเดียวกัน ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างกูเกิล และไป่ตู้ (Baidu) ก็กำลังวางแผนเปิดตัวคู่แข่งแชทบอตของ ChatGPT ซึ่งกูเกิลเพิ่งประกาศเปิดตัวบริการสนทนาเอไอที่ชื่อ “Bard” ออกมา อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของเอไอตัวนี้ยังมีจำกัดอยู่ ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงกว่า 7% และทำให้มูลค่าตลาดหายไป 700,000 ล้านเหรียญสหรัฐในชั่วข้ามคืน 

ส่วนฝั่งไป่ตู้ประกาศเปิดตัว ChatGPT เวอร์ชัน “ERNIE Bot” ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2023 อย่างไรก็ตาม เสิร์จเอ็นจิ้นของไป่ตู้ยังล้าสมัยกว่าไมโครซอฟท์และกูเกิลอยู่มาก จึงยังเกิดข้อสงสัยว่าแชทบอตตัวนี้จะได้ผลดีหรือไม่ 

ปัจจุบัน นักลงทุนซื้อขายหุ้นเหล่านี้ด้วยความคาดหวังว่าเทคโนโลยีเอไอจะเป็นสิ่งขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทแอปฯ ด้านเอไอในอนาคต ผลที่ได้คือราคาหุ้นของไป่ตู้และไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทคโนโลยีเอไออาจจะนำไปสู่การปฏิวัติเทคโนโลยี แต่สำหรับนักลงทุนแล้ว เราอาจจะต้องรอผ่านช่วง ChatGPT ฟีเวอร์ไปก่อน และรอให้เกิดการปรับฐานของหุ้นหลัก ก่อนที่เราจะเข้าไปลงทุนในบริษัทแอปฯ เอไอ 

โดยรวมแล้ว การร่วมมือระหว่างบริษัทไมโครซอฟต์และบริษัท OpenAI ได้ช่วยเพิ่มรายได้ของไมโครซอฟต์เอง รวมถึงได้ช่วยนำรวม ChatGPT ่เข้ากับแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่อื่นๆ ก็กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวแชทบอตเพื่อแข่งขันกับ ChatGPT ด้วย แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยกันว่าประสิทธิภาพจะสู้ ChatGPT ได้ไหม  

ราคาหุ้นของบริษัทแอปฯ เอไอ Front-End ที่กำลังพุ่งสูงอยู่ตอนนี้ ทำให้นักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นคาดหวังให้หุ้นเหล่านี้พุ่งขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม อาจจะเกิดการปรับฐานของหุ้นขึ้น ซึ่งนักลงทุนอาจต้องพิจารณาและนั่งรอสักนิดก่อนจะลงทุนในบริษัทเหล่านี้อีกครั้ง 

จาก ChatGPT สู่เอไอแห่งโลกอนาคต บทบาทสำคัญของฝั่ง Back-End 

ในช่วงยุคตื่นทอง (Gold Rush) ในแคลิฟอร์เนีย ผู้ที่ขายน้ำในช่วงนั้นได้รับกำไรสูงกว่าผู้ที่มาหาแร่ เนื่องจากสภาพการทำงานที่เลวร้ายและเทคโนโลยีที่ไม่มีประสิทธิภาพ  

เช่นเดียวกันกับแวดวงเอไอตอนนี้ อุตสาหกรรมเอไอต้องการชิปและโปรเซสเซอร์ระดับไฮเอนท์เพื่อสร้างเทคโนโลยีสุดล้ำให้สำเร็จ ในขณะที่บริษัท Front-end ชื่อดังอย่างไมโครซอฟต์ กูเกิล และไป่ตู้ได้รับความสนใจมากขึ้น บริษัท Back-end อย่างเช่น NVIDIA ก็จะมีความสำคัญอย่างมากต่อเทคโนโลยีเอไอนี้เช่นกัน 

NVIDIA เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตการ์ดกราฟิกระดับไฮเอนท์สำหรับใช้เล่นเกม รวมทั้งมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมเอไอ เนื่องจาก OpenAl ต้องใช้ Azure ของไมโครซอฟต์ทีใช้การ์ดกราฟิก GPU A100 จาก NVIDIA ซึ่งสามารถประมวลผลในเวลา 3 พันล้านพารามิเตอร์ในเวลา 6 มิลลิวินาที ดังนั้น เทคโนโลยีเอไออย่าง ChatGPT จึงต้องพึ่งพา NVIDA เพื่อสร้างพารามิเตอร์ 175 พันล้านหน่วยเพื่อสร้างคำ 

ChatGPT ต้องใช้การ์ดกราฟิก A100 GPU ไม่น้อยกว่า 8 ชิ้นต่อในการทำงานหนึ่งครั้ง โดยมีค่าใช้จ่าย 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง คิดเป็นเงินประมาณ 100,000 เหรียญสหรัฐต่อวัน และ 3 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน หรือ 36 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี มีการคาดคะเนรายได้ของ NVIDIA จาก ChatGPT ว่าจะเกิดขึ้นอย่างคงที่ โดยแตกต่างจากธุรกิจของ ChatGPT เองที่ต้องเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ 

จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมเอไอและความต้องการของเอไอที่เพิ่มขึ้น รายได้ของ NVIDIA จึงดูจะไปในทางที่ดี ไม่สงสัยเลยว่าทำไมราคาหุ้นของบริษัทนี้จึงเพิ่มขึ้นประมาณ 55% ในปีนี้ 

แนวทางการลงทุนเอไอ ความสามารถและความเสี่ยงของ ChatGPT 

หลายปีที่ผ่านมามีการพูดถึงแนวคิดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มากมาย แต่ในวงการเอไอเองก็ยังมีปัญหาในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้และทำกำไรได้ แม้จะมีการระดมทุนมากมายก็ตาม แต่แล้ว ChatGPT ก็มาทำให้ความตั้งใจในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือและทำกำไรได้นั้นเป็นจริง  และเราอาจจะใกล้เดินมาถึงช่วงที่ “ปัญญาประดิษฐ์ฉลาดกว่ามนุษย์ (technological singularity)” แล้วก็ได้ 

อย่างไรก็ตาม เราต้องเข้าใจว่า ChatGPT ไม่ได้เป็นวิธีการลงทุนที่เป็นที่แนะนำสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป นอกจากนี้ วงการเอไอยังต้องพัฒนาอีกมาก  

แม้ว่าตอนนี้หุ้นกำลังพุ่งอย่างรวดเร็วในตลาด แต่ก็มีโอกาสที่หุ้นจะปรับฐานในอนาคตอันใกล้นี้ มีเพียงหุ้นที่ผ่านช่วงนี้ไปได้เท่านั้นที่น่าลงทุน สำหรับ NVIDIA แล้ว เป็นบริษัทที่ดูจะไปได้ดีสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกระแส ChatGPT ฟีเวอร์ 

| เกี่ยวกับ Doo Prime       

เครื่องมือการซื้อขายของเรา     

หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น    

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน    

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก     

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 10 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ     

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก     

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ     

โทรศัพท์     
ยุโรป : +44 11 3733 5199       
เอเชีย : +852 3704 4241        
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415       
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539         

อีเมล   
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค th.support@dooprime.com       
ฝ่ายขาย th.sales@dooprime.com      

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)        

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)      

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต       

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้      

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้  

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง     

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย     

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง 

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย     

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป 

article-thumbnail

2025-11-10 | โปรโมชั่น

แคมเปญเส้นทางรางวัลครบรอบ 11 ปี เริ่มแล้ว: เทรดเพื่อคว้าเงินสด ทองคำ และของขวัญพรีเมียมสุดหรู  

ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา เทรดเดอร์จากทั่วทุกมุมโลกมีส่วนช่วยสร้างการเดินทางครั้งนี้ขึ้นมา ทุกกราฟที่วิเคราะห์ ทุกคำสั่งเทรด และทุกช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ ล้วนเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน การครบรอบในปีนี้ไม่ใช่เพียงหมุดหมายสำคัญ แต่คือการเฉลิมฉลองของชุมชนเทรดเดอร์ ที่เปลี่ยนความก้าวหน้าให้กลายเป็นแรงส่ง และแรงส่งนั้นได้กลายเป็นมรดกแห่งความสำเร็จ  วันนี้ เส้นทางสำหรับแคมเปญครบรอบ 11 ปีได้เปิดขึ้นแล้ว ที่นี่ ทุกระดับคือเส้นชัย และทุกการเทรดจะพาคุณเข้าใกล้รางวัลที่สะท้อนถึงผลงานของคุณมากยิ่งขึ้น  การเทรดของคุณ รางวัลของคุณ  ตั้งแต่เงินสดไปจนถึงของขวัญพรีเมียม รวมถึงเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ ของสะสมสุดหรู ทองคำแท่ง 40 กรัม และนาฬิกา TAG Heuer รางวัลในโอกาสครบรอบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อไม่เพียงแค่ยกย่องการมีส่วนร่วมของคุณ แต่เพื่อเชิดชูความสำเร็จของคุณอย่างแท้จริง   การวิ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว  การนับถอยหลังสิ้นสุดลง และการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว  นี่คือการแข่งขันที่ชนะได้ด้วยความสม่ำเสมอ กลยุทธ์ และแรงผลักดัน ยิ่งคุณไต่ระดับได้สูงเท่าไร รางวัลของคุณก็ยิ่งพิเศษมากขึ้นเท่านั้น  ช่วงเวลาแคมเปญ 22 ตุลาคม – 21 พฤศจิกายน 2025 (UTC +0)  ช่วงเวลาแลกรางวัล 26 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2025 (UTC +0)  เข้าร่วมการแข่งขันได้ที่ เส้นทางสู่รางวัล  ยิ่งเทรดมาก ยิ่งได้มาก  ตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้ายของคุณ ทุกล็อตที่เทรดมีความหมาย ทุกระดับที่คุณไต่ขึ้นไปจะพาคุณเข้าใกล้การเฉลิมฉลองอันคู่ควรกับวาระครบรอบนี้ ที่ระดับสูงสุดจะมีเงินสดมูลค่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือของขวัญสุดหรูที่สะท้อนถึงเกียรติยศเหนือเส้นชัย  11 ปีแห่งเทรดเดอร์  การเฉลิมฉลองระดับโลก  การวิ่งครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของรางวัล แต่มันคือการเฉลิมฉลองทุกเส้นทางที่ปูทางมาถึงช่วงเวลานี้ ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา เทรดเดอร์อย่างคุณได้เปลี่ยนการเคลื่อนไหวให้กลายเป็นความชำนาญ และเปลี่ยนการมีส่วนร่วมให้กลายเป็นความก้าวหน้า  การเฉลิมฉลองนี้เป็นของชุมชนเทรดเดอร์ที่ร่วมกันสร้างขึ้นมา นี่คือหลักฐานแห่งการเติบโต ความเชื่อมั่น และแรงผลักดันร่วมกัน  11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งเหนือสิบ ก้าวขึ้นไปพร้อมกัน  ลงทะเบียนตอนนี้ 

article-thumbnail

2025-10-30 | สารจาก D Prime

การปรับมาร์จิ้นสำหรับ CFDs หุ้นสหรัฐฯ รอบวันที่ 31 ตุลาคม 2568 

เราขอแจ้งให้คุณทราบว่า จะมีการปรับข้อ กำหนดด้านมาร์จิ้นสำหรับ CFDs หุ้นสหรัฐฯหลายรายการ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการ  เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพของตลาดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการประกาศผลประกอบการ อัตราหลักประกันสำหรับหุ้นที่ระบุด้านล่างจะถูกปรับชั่วคราวเป็น 20% (เลเวอเรจ 1:5) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ก่อนเวลา 20:30 น. (UTC+7)   วิธีการดำเนินการ  การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่า คุณจะต้องวางหลักประกันเท่ากับ 20% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ซึ่งเทียบเท่ากับการลดเลเวอเรจเป็น 1:5 การปรับนี้มีขึ้นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเทรดที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงจากการประกาศผลประกอบการ  หุ้นที่ได้รับผลกระทบ – รอบปัจจุบัน  ชื่อหุ้น  สัญลักษณ์  วันที่ประกาศผลประกอบการ  Pfizer Inc  PFE  31/10/2568  Uber Technologies Inc  UBER  Robinhood Markets Inc  HOOD  Beyond Meat Inc  BYND  QUALCOMM Inc  QCOM  ConocoPhillips  COP  สิ่งที่คุณควรดำเนินการ  หากคุณถือสถานะใน CFDs หุ้นสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบ:  หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนี้ หรือหากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม กรุณาติดต่อทีมสนับสนุนของเราได้ทุกเมื่อ